โดนใจสาวๆ เคล็ดลับจัดการกับผมช็อตด้วยตัวเอง หายช็อตแน่นอน

        สาวๆหลายคนคงจะเข้าใจเป็นอย่างดี กับปัญหาผมช็อต ผมแห้งดีด ว่าเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและทำให้เราเสียความมั่นใจแค่ไหน ใครที่ทำสีผมบ่อยๆ หรือใช้ความร้อนกับผมบ่อยๆก็จะยิ่งเจอกับปัญหาผมช็อตได้ง่าย

        เช่นเดียวกับสมาชิกพันทิป ชื่อ พุงยุบแล้วก็ป่องอีก ที่เธอทำสีผมและหนีบผมบ่อย ใช้ความร้อนที่มากเกินไป จนทำให้ผมช็อตเป็นหย่อมๆ เสียความมั่นใจกันเลยทีเดียว แต่เธอก็ใช้วิธีจัดการด้วยตัวของเธอเอง ทั้งหมักผม ดูแลผมสารพัดวิธีจนผมกลับมาสวยอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ได้แชร์เคล็ดลับดีๆเพื่อสาวๆอีกด้วย

       สวัสดีค่ะ เรามาแชร์ประสบการณ์ผมช็อต จนช็อคคคคคค!! และวิธีรับมือด้วยตัวเอง

       เริ่มที่สภาพเส้นผมของเราก่อนช็อตนะคะ ผมค่อนข้างแห้งและเริ่มแตกปลายเนื่องจากเพิ่งทำสีผมมา (ย้อมสีผมเองแบบโฟม) และหนีบผมทุกวัน แล้วต่อมาวันดีคืนดีไม่รู้คิดยังไง เอาเครื่องหนีบผมตัวที่ไม่เคยใช้มาลองหนีบดู ซึ่งมันร้อนมากๆ ตอนนั้นก็ยังคิดว่าเห้ย มันร้อนดีจังน่าจะหนีบตรงดี ว่าแล้วก็จัดการเลยค่ะ หนีบๆๆ แล้วมันก็เริ่มมีกลิ่นแปลกๆ เราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่ามันเป็นกลิ่นที่หนีบผม ต่อมาเริ่มมีควัน เราก็เลยตะหงิดๆละว่าผมเป็นอะไร เลยหยุดหนีบแล้วมานั่งเช็คผม เห็นว่าปลายช็อต ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ เพราะคิดว่ามันคงช็อตแค่ปลายๆ พอตกเย็นกลับบ้านมาอาบน้ำสระผมเท่านั้นล่ะค่ะ ช็อค!! ผมช็อตเป็นหย่อมๆ บางจุดนี่ช็อตไปถึงโคนเลย

       เราก็แบบเครียดมากๆ เครียดจนนอนไม่หลับนั่งดูวิธีการแก้ไขผมช็อตทั้งคืน นั่งจับผมตัวเองจนไม่เป็นอันทำอะไรไป 3 วัน  ตอนแรกนี่รับสภาพเส้นผมตัวเองไม่ได้ ต้องมานั่งหนีบๆให้มันตรงเพื่อมาทำงาน แต่หนีบเท่าไหร่มันก็ไม่ตรงแถมยิ่งเสียขึ้นไปอีก ร้องห้ายยยยย T^T สุดท้ายตั้งสติค่ะ หาวิธีการแก้ไขปัญหาจนเจอทางออก ดังนี้

       1. บำรุงผมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยวิธีของเรามีขั้นตอน คือ

       1) ล้างผมด้วยน้ำเปล่า(น้ำเย็นเท่านั้นห้ามน้ำอุ่นเด็ดขาด เพราะผมจะยิ่งแห้ง) แล้วหมักด้วยเบียร์ 2 ช้อนโต๊ะ + ไข่แดง 2 ฟอง + น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ + ครีมหมักผมอะไรก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วชะโลมให้ทั่วเส้นผม เสร็จแล้วใส่หมวกอาบน้ำคลุมทิ้งไว้ 1-2 ชม.  

       2) ครบ 1-2 ชม. แล้วสระผมด้วยยาสระผมมะกรูด+ใบบัวบกยี่ห้อเขาค้อ  2 รอบ แล้วใส่น้ำส้มสายชูสำหรับใส่ผมเพื่อปิดเกล็ดผมทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก เราใช้ยี่ห้อ yves rocher มันดีจริงๆนะเออ

       3) ครบ 5 นาที แล้วก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่าเท่านั้นไม่ต้องสระ ล้างให้สะอาดๆเลยนะคะแล้วบำรุงกันต่อด้วยมาสฏผมหรือทรีทเม้นสูตรเข้มข้น เราใช้ kerastase resistance masque รุ่น therapiste สำหรับผมเสียมากๆระดับ3-4 ใช้ไม่ต้องเยอะประมาณ 1 ช้อนชา เพราะมันเข้มข้นมากกกกก แล้วเอาหวีมาสางๆ ให้ผมคลายตัว เสร็จแล้วใส่หมวกคลุมทิ้งไว้ 1 ชม. 

       4) ครบ 1 ชม. แล้วก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้หมาดๆ แล้วบำรุงต่อด้วยอาหารผม MoreThan Keratin Silky Speed Hair Serum ชะโลมเลยค่ะ เยอะๆ เสร็จแล้วเอาหวีสางๆผมให้คลายตัว แล้วเป่าผมด้วยพัดลมให้แห้ง ตามด้วยน้ำมันใส่ผม เราใช้ L'oreal ExtraOrdinary Oil ค่ะ สีทอง เป็นอันจบขั้นตอนบำรุง ผมจะดีขึ้นมากหลังจากทำครบ 4 ครั้ง

       2. เล็มผมหรือตัดทิ้ง

       สำหรับคนที่ผมช็อตเป็นหย่อมๆ แบบเรา ถ้าคิดจะไปตัดผมเลยโดยที่ยังไม่ได้บำรุง หยุดก่อน! เพราะมันจะยิ่งช็อตลามขึ้นไปอีกกกก ขั้นแรกเราควรทำใจยอมรับสภาพเส้นผมที่พังของเราให้ได้ก่อน บำรุงไปอีกสัก 2 สัปดาห์ แล้วจึงค่อยๆเล็มผมที่ช็อตแบบที่มันเป็นหยอยๆออก ตรงไหนที่สามารถตัดออกทั้งกระจุกได้ จัดการค่ะ ตัดออกเลย เพราะเราลองแล้ว บำรงอยู่นานหวังว่ามันจะหายช็อต มันไม่หายค่ะ ตรงที่มันช็อตหนักๆ ทำยังไงก็ไม่หาย พังแล้วพังเลย จิตตกมากกกก จำใจตัดออกเล็มออก เสร็จแล้วก็ไปให้ที่ร้านทำผมช่วยตัดจัดทรงให้ผมเข้าทรง มันก็แทบจะดูไม่ออกเลยค่ะว่าผมเคยช็อต 

       หลังจากปฏิบัติการกู้สภาพเส้นผม บำรุงจนครบ 2 สัปดาห์ เราก็ได้ผมออกมาในสภาพที่น่าพึงพอใจและสบายใจมากๆ เรียบลื่นขึ้นกว่าตอนก่อนช็อตไปสะอีก เราไม่ต้องมานั่งหนีบผมจัดทรงตอนเช้าอีกเลย.... 

       **รูปเปรียบเทียบผมหลังกับก่อนบำรุงอยู่ในสปอยนะคะ  ในรูปขวามือตอนผมช็อตนี่คือเรานั่งหนีบมาแล้วนะ ยังเป็นทรงได้แค่นี้ 55 ก็หวังเอาไว้ว่าอีกสัก 2 เดือน ผมน่าจะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ ^__^ เราขอเป็นกำลังใจให้สาวๆที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกันทุกคนนะคะ ใครไม่เคยเป็นนี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจิตตกมากกกกกกกกกขนาดไหน มันต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและทำใจยอมรับเท่านั้นค่ะ 

        ถึงแม้จะต้องใช้เวลาสักหน่อย และต้องอดทนพอสมควร แต่เคล็ดลับนี้ก็ทำให้ผมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะค่ะ สาวๆคนไหนมีปัญหาผมช็อต ผมดีด ไม่ต้องช็อค แค่ลองทำวิธีนี้ก็อาจเรียกความมั่นใจกลับมาได้ค่ะ

เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.in.th, ขอขอบคุณที่มาจาก : พุงยุบแล้วก็ป่องอีก