ตกแต่งคลินิกทันตกรรม ให้กลายเป็นบรรยากาศผ่อนคลาย
ถ้าคุณคิดว่าสถาปนิกคือคนที่ออกแบบบ้านไว้ให้เราอยู่อาศัยอย่างเดียว ยุ่งแต่กับเรื่องโครงสร้าง กันแดด กันน้ำ กันฝนและคิดแค่ทางลมผ่านเท่านั้น อยากให้ลองคิดใหม่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เราเจอตัวอย่างการออกแบบที่ช่วยบรรเทาอาการ “โรคกลัวหมอฟัน” ได้โดยไม่ต้องจ่ายยา
วันนี้ kaijeaw.in.th อยากจะพาเพื่อนๆ ลองมาดูผลงานการออกแบบคลินิกทันตกรรมทั้ง 5 แห่งจากต่างสตูดิโอ ต่างสัญชาติ มั่นใจเลยว่าจะเปลี่ยนประสบการณ์ของการเข้ารับการรักษาแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นบรรยากาศผ่อนคลาย น่าเข้าใช้บริการ (เผลอ ๆ หลายคนอาจจะเช็กอินลง IG ระหว่างรอหมอเรียกเลยด้วย)
1.Dent Protetyka, Poland, Adam Wiercinski Dent Protetyka คือคลินิกทันตกรรมที่มีพื้นที่ขนาด 10 ตารางเมตรที่ตั้งอยู่ในตึกเก่าของอาคารที่ตั้งอยู่ในพอซนาน หนึ่งในเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโปแลนด์ที่ได้รับการออกแบบและปรับปรุงให้น่าเข้าใช้
โดยได้แรงบันดาลใจการออกแบบส่วนหนึ่งมาจากซุ้มร้านค้าที่อยู่ตามท้องถนนจึงทำให้รู้สึกต่างจากความเป็นคลินิกทั่วไป
สถาปนิกใช้ทั้งตะแกรงเหล็กและรางเหล็กมาประยุกต์การออกแบบทำให้ดูเหมือนร้านสะดวกซื้อตามท้องถนน
ส่วนพื้นที่ที่เหลือตกแต่งด้วยสีขาว สื่อความคลีน ปราศจากเชื้อโรค ขณะเดียวกันก็ลงดีเทลการออกแบบจากการปูพื้นด้วยแผ่นเซรามิกสีเทาเพื่อให้รู้สึกเชื่อมต่อกับทางเข้าด้านหน้าตึก
2.The Urban Dentist, Germany, Studio Karhard ที่แรกอาจจะยังไม่ฉีกมากแต่ The Urban Dentist นี่ถือว่าสายตื๊ดทั้งหลายต้องแพ้ใจให้การตกแต่งแน่ ๆ เพราะเขาออกแบบคลินิกทำฟันให้ดูเหมือนบาร์ หรือไนต์คลับเท่ ๆ จนอยากจะเรียกพยาบาลมาสั่งค็อกเทลสักแก้วเลย
Studio Karhard บอกว่าเขาตั้งใจออกแบบให้ฉีกเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กลัว เลยเลี่ยงสีที่สถานทันตกรรมทั่วไปใช้อย่างพวกสีขาวหรือการตกแต่งเคลือบมัน เปลี่ยนมาใช้สีฉูดฉาดแทน
แถมยังมีไฟ LED ที่สามารถตั้งโปรแกรมเปลี่ยนสีได้ติดล้อมรอบร่องผนังกระจก ขณะที่ด้านบนก็ไม่ได้ใช้ไฟรางปกติ แต่เป็นไฟรูปวงแหวน
3.Waiting room, China, RIGI Design ถ้าคุณเป็นคนหัวใจกุ๊กกิ๊ก อยากไปทำฟันในที่ที่สไตล์ cozy อบอุ่นหัวใจ ห้องรอของคลินิกทันตกรรมที่อยู่ในเมืองท่าเทียนจิน (Tianjin) ของจีนแห่งนี้น่าจะถูกอกถูกใจ
ฟีลดีไซน์ของที่นี่คือฟีลห้องกินข้าวที่บ้าน จากห้องเดิมที่ผู้ป่วยต้องมานั่งเก้าอี้ยาววางขนานกัน ก็เปลี่ยนใหม่ จัดแต่งให้มีโต๊ะกลางเหมือนโต๊ะอาหารเวลาเราอยู่บ้าน
รวมทั้งใช้เฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสเพื่อให้รู้สึกแจ่มใส
ทีเด็ดคือมีส่วนที่เป็นห้องรอของเด็ก ซึ่งจุดนี้เขาจะวางเฟอร์นิเจอร์รูปสัตว์ไว้ ทำให้เหมือนสนามเด็กเล่นย่อม ๆ ในอาคาร เหมาะจะใช้หลอกล่อลูกหลานไปหาหมออย่างยิ่ง หรือพ่อแม่คนไหนจะไปทำฟันไม่มีที่ฝาก ตรงนี้น่าจะตอบโจทย์
4.Sou Smile, Brazil, SuperLimão คลินิกแห่งที่สี่นี้ตั้งอยู่ที่เซาเปาโล มองไปแวบแรกจะคิดว่าเป็นคาเฟ่หรือโคเวิร์กกิ้งสเปซแน่นอน เพราะการใช้สีที่คุมโทนชมพู ๆ
มีส่วนเคิร์ฟโค้งในการตกแต่งห้อง หรือส่วนที่นั่งที่เป็นแนวยาว ลดหลั่นระดับชั้นให้เราปีนป่ายไปนั่ง แต่ละจุดมีหมอนอิงให้ด้วย ส่วนด้านบนแขวนต้นไม้เพิ่มสีเขียวสร้างความสดชื่น
ที่นี่ค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่น ๆ เพราะไม่ใช่แค่รักษาอย่างเดียว แต่เขายังใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับผลิตอุปกรณ์จัดฟันด้วยนักออกแบบจึงแบ่งพื้นที่ให้ใช้งานได้มากขึ้น
ด้านบนใช้เป็นห้องแล็บปฏิบัติการและห้องประชุม ส่วนด้านล่างเป็นโซนเคาน์เตอร์และทำทันตกรรม
5.Ortho Wijchen, Netherlands, Studio Prototype ปิดท้ายอีกสักดีไซน์ ถ้ายังรู้สึกไม่ถูกใจเพราะจิตใจยังว้าวุ่น ไม่อยากไปอยู่ดี ลองเป็นคลินิกสายเขียว อยู่สงบใกล้ชิดธรรมชาติที่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ออกแบบโดย Studio Prototype ได้
อันที่จริงที่นี่ก็ยังให้ความรู้สึกของการไปหาหมอฟันอยู่จากการใช้สีขาวตกแต่ง แต่ว่าจะรู้สึกซอฟต์ลง ผ่อนคลายขึ้นเพราะใช้เฟอร์นิเจอร์สีไม้เบิร์ชตกแต่งภายใน
จุดเด่นอยู่ที่การดีไซน์ที่ติดกระจกรอบอาคารแทนพื้นที่กำแพงปิด มองไปแล้วเห็นวิวเขียว ๆ ของสวนสุดลูกหูลูกตา กระทั่งห้องที่เราทำฟันเองเขาก็จัดเก้าอี้นอนให้หันออกไปทางสวน เราจะได้โฟกัสเรื่องอื่นแทนความเจ็บ
ทั้ง 5 แห่งนี้คือตัวอย่างความสำคัญของสถาปนิกที่จริง ๆ แล้วก็สำคัญไม่แพ้หมอ เพราะช่วยปรับมุมมองของคนที่เข้ามาใช้งานพื้นที่ได้ด้วยการออกแบบตกแต่ง ช่วยทำให้การใช้บริการการรักษาราบรื่นขึ้น แม้ไม่ใช่หมอยาก็เหมือนหมอใจ เห็นแบบนี้แล้วเราคงคลายความกังวลได้บ้าง จนลืมไปเลยว่าจะไปหาหมอฟัน
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : BuilderNews