ส่องคฤหาสน์ ปิ๊บปี้-มาดามลี แม่ลูกแฟชั่นนิสต้ากับของสะสมสุดรัก
คู่แม่ลูกแฟชั่นนิสต้าของแวดวงเซเลบริตี้ ฐานะดีเข้าขั้นมหาเศรษฐี ฝั่งลูกชายคือคุณปิ๊ปปี้ หรือภัทรพล พึ่งบุญพระ ส่วนคุณแม่คือคุณลี พึ่งบุญพระ หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่ามาดามลี เจ้าแม่แบรนด์เนมและเครื่องเพชรของเมืองไทย
ตระกูลนี้ดำเนินธุรกิจหลากหลายทั้งเป็นเจ้าของ Maze Thonglor (เมส ทองหล่อ) คอมมูนิตี้มอลล์ย่านทองหล่อ ธุรกิจสี และเคมีภัณฑ์ ดังนั้นเรื่องแฟชั่นจึงจัดเต็มสมกับคนทำแมกกาซีน
ความโดดเด่นของแม่ลูกคู่นี้คือการสนุกกับการแต่งตัวออกงานสังคมและเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ เพราะนอกจากจะเป็นของแบรนด์เนมทั้งร่างแล้ว เสื้อผ้าหน้าผมของสองแม่ลูกก็จัดเต็มจนใครเห็นต้องเหลียวหลัง
อลังการทุกมุมบ้าน
ความเป็นเอกลักษณ์นี้ก็ไปเตะตา Vogue อเมริกาทำให้เว็บไซต์ต้องยกให้ MR.PEEPY& MOTHER LEE ซึ่งเป็นคนไทย อยู่ในลิสต์ "Why You Should Let These 10 Instagram Accounts Feed Your Fashion Creativity" หรือแอคเคานท์ไอจีสายแฟชั่นที่จะปลุกความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณ
ยิ่งไปกว่านั้น MR.PEEPY& MOTHER LEE ยังถูกคัดเลือกให้ติดอันดับ “VOGUE WORLD 100” ของโลก พร้อมกับนางเอกสาว ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์ ซึ่งเป็นตัวแทนจากประเทศไทยด้วย
ส่องคฤหาสน์ ปิ๊บปี้-มาดามลี แม่ลูกแฟชั่นนิสต้ากับของสะสมสุดรัก
ส่องคฤหาสน์ ปิ๊บปี้-มาดามลี แม่ลูกแฟชั่นนิสต้ากับของสะสมสุดรัก
ส่องคฤหาสน์ ปิ๊บปี้-มาดามลี แม่ลูกแฟชั่นนิสต้ากับของสะสมสุดรัก
ส่องคฤหาสน์ ปิ๊บปี้-มาดามลี แม่ลูกแฟชั่นนิสต้ากับของสะสมสุดรัก
เรื่องราวของสะสมอย่างกระเป๋าแอร์เมสนั้นคุณปิ๊บปี้เล่าไว้ในรายการแฉว่าเป็นแบรนด์กระเป๋าที่ซื้อเก็บมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีโอกาสบินไปสิงคโปร์เพื่อซื้อกระเป๋าแอร์เมสใบละ 2 แสนบาท ปัจจุบันก็มีกระเป๋าแอร์เมสอยู่หลายใบ ใบที่มีราคาแพงที่สุดก็น่าจะใบละประมาณ 4 ล้านบาท
ซึ่งใครๆ คงรู้ดีว่ากระเป๋าแอร์เมสเป็นหนึ่งในแบรนด์กระเป๋าที่หากซื้อเก็บไว้ก็เหมือนเป็นการลงทุน เพราะสามารถขายต่อได้ในภายหลัง ดังนั้นสำหรับเรื่องการสะสมกระเป๋าสำหรับคุณปิ๊บปี้จึงถือเป็นทั้งการสะสมและการลงทุนไปด้วย
อีกหนึ่งเอกลักษณ์โดดเด่นที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคู่ดูโอ้คู่นี้คือแว่นตา
ของล้วนเป็นแบรนด์เนมทุกอัน
ล่าสุดคุณปิ๊บปี้หันมาสนใจสะสมหมี Bearbrick ได้สักประมาณ 4-5 ปีก่อน เพราะรู้สึกว่าเป็นของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจ ทำให้เขารู้สึกไม่เหงาและมีเพื่อนอยู่ตลอดเวลา รวมๆ แล้วสะสมอยู่ประมาณหนึ่งแต่ยังไม่ถึง 100 ตัว ซึ่งหมี BE@RBRICK นั้นส่วนใหญ่จะผลิตขึ้นมาเฉพาะและจำนวนจำกัด แต่สำหรับคุณปิ๊บปี้นั้นไม่ได้สะสมตัวที่ราคาแพงเท่านั้น มีตัวที่ราคาเบาเบารวมอยู่ด้วย
เพราะรู้สึกว่าเป็นของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจ ทำให้เขารู้สึกไม่เหงาและมีเพื่อนอยู่ตลอดเวลา รวมๆ แล้วสะสมอยู่ประมาณหนึ่งแต่ยังไม่ถึง 100 ตัว ซึ่งหมี BE@RBRICK นั้นส่วนใหญ่จะผลิตขึ้นมาเฉพาะและจำนวนจำกัด แต่สำหรับคุณปิ๊บปี้นั้นไม่ได้สะสมตัวที่ราคาแพงเท่านั้น มีตัวที่ราคาเบาเบารวมอยู่ด้วย
สำหรับหมี BE@RBRICK นั้นไม่ใช่ตุ๊กตาหมีหรือของเล่นสะสมธรรมดาแต่ทุกวันนี้มันน่าจะกลายเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลไปแล้ว ซึ่งหมี BE@RBRICK มีการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 เป็นหมีที่ผลิตและออกแบบโดยบริษัท MediCom Toy Incorporated (ผู้ผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น)
เมื่อเจ้าของแบรนด์ของเล่นญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับศิลปิน, นักออกแบบ และ แบรนด์ดังต่างๆ ในการผลิตสินค้าที่ไม่ใช่แค่ของเล่นสะสมเท่านั้นแต่เป็นถึงงานศิลปะ ลักษณะของมันคือเป็นตุ๊กตาที่มีหัวเป็นหมี ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนทั้งหมด 9 ชิ้น คือ หัว ลำตัว แขน มือ สะโพก และขา Bearbrick ไม่ใช่ของเล่นทั่วไปจะถูกออกแบบไว้สำหรับเด็กๆ เท่านั้น
แต่หมีตัวนี้ กลับสร้างมูลค่าราคาสูงเกินกว่าจะเป็นของเล่นธรรมดาทั่วไป ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันดอลล่าสหรัฐฯ และบางตัวมีมูลค่าถึง 200,000 ดอลล่าสหรัฐฯเลยทีเดียว
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ภาพ : peepy_and_mother_lee,สนับสนุนข้อมูล : sanook