ฟังอีกมุม กรมบังคับคดีไขปมสาวเป็นหนี้ กยศ. แต่โดนยึดบ้าน

จากกรณีที่ นางกรทิพ วงศ์ตะวัน อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 192 ม.3 ต.สบสาย อ.สูงเม่น จ.แพร่ น.ส.สมหมาย วงศ์ตะวัน อายุ 38 ปี และ นายสมพร วงศ์ตะวัน อายุ 75 ปี ออกมาร้องเรียน กรณีที่ อยู่ ๆ มีจดหมายจากสำนักงานบังคับคดี จ.แพร่ มาติดหน้าบ้าน ว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปแล้ว แค่เป็นหนี้ กยศ. เพียง หนึ่งหมื่นเจ็ดพันกว่าบาท แต่กลับถูกฟ้องบังคับคดียึดบ้านไปขายทอดตลาดในราคา 2 ล้านกว่าบาท จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ล่าสุดวันที่ 26 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าวชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวอยู่ในการดำเนินการของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดแพร่ โดยโจทก์ได้แถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่า โจทก์ไม่เคยได้รับชำระหนี้ตาม คำพิพากษาจากจำเลยแต่อย่างใด
กรมบังคับคดี ระบุต่อว่า แต่เนื่องจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ผู้กู้ยืมถูกยึดไว้ในคดีอื่นแล้ว และไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะดำเนินการบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ได้ โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามคำร้องขอของโจทก์แล้ว ได้แจ้งการยึดไปยังจำเลยที่ 3 พร้อมแจ้งให้ทราบว่าสามารถขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีได้ ซึ่งจำเลยที่ 3 ได้รับหมายแจ้งแล้ว แต่ไม่ได้มาติดต่อเพื่อขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด โดยประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวโดยการจำนองติดไป
กรมบังคับคดี ระบุอีกว่า ทั้งนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งกำหนดวันขายทอดตลาดไปยังจำเลยที่ 3 พร้อมปิดประกาศขาย ณ ทรัพย์ที่จะทำการขายทอดตลาดในการประกาศขายแต่ละครั้ง คดีนี้มีการขายทอดตลาดมาแล้วถึง 10 นัด แต่ไม่มีผู้เข้าสู้ราคา จำเลยที่ 3 ซึ่งทราบกำหนดวันขายทอดตลาดโดยชอบแล้วไม่เคยมาดูแลการขายหรือมาติดต่อกับเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแต่อย่างใด
จนกระทั่งในการขายทอดตลาดครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 มีบุคคลภายนอกได้ซื้อทรัพย์ดังกล่าวไปในราคา 30,000 บาท ซึ่งผู้ซื้อทรัพย์ดังกล่าวจะต้องรับภาระในการไปชำระหนี้จำนองอีกเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท
กรมบังคับคดี ระบุด้วยว่า ในวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ ได้ลงพื้นที่ร่วมกับอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่ และยุติธรรมจังหวัดแพร่ โดยได้พูดคุยกับจำเลยที่ 3 ถึงแนวทางช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งได้กำหนดนัดหมายผู้ซื้อทรัพย์และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาเพื่อเจรจาหาทางออกร่วมกันต่อไปในวันที่ 14 ก.ค.นี้
ซึ่งจากกรณีนี้ก็คงงจะเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับหลายคน ทั้งผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันหากเบี้ยวชำระหนี้ แน่นอนว่าตามกฏหมายแล้วมีสิทธิที่จะยึดทรัยย์สินได้ ยังไงก็อยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : khaosod.co.th