พ่อค้าแม่ค้าโอด ปรับตัวก็แล้ว ขยันก็แล้ว จะเอาตัวรอดกันยังไงดีในยุคนี้
ต้องยอมรับจริงๆ เลยว่าในยุคนี้เป็นยุคที่เศรษฐกิจค่อนข้างแย่มากมากๆ เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมีการส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจกันมากมาย แต่ถ้าหากมองที่พ่อค้าแม่ค้า บ่นกันประจำว่ายุคนี้เศรษฐกิจไม่ดี ขายของยาก นอกจากคู่แข่งที่เป็นห้างร้านสะดวกซื้อต่างๆ ยังการขายของออนไลน์อีก ใครที่ปรับตัวทันหลายคนอาจจะขายดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะปรับตัวแล้วผ่านวิฤกติในครั้งนี้ได้สบายๆ อย่างที่คิด
ล่าสุด ทางด้านเพจ อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก ก็ได้เขียนโพสต์หนึ่งขึ้นมาซึ่งเป็นเนื้อหาที่หลายคนอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นจริง สำหรับเศรษฐกิจทุกวันนี้ โดยได้โพสต์ระบุว่า...
ตลาดมันเงียบเหงาแบบนี้....ปรับตัวก็แล้ว ขยันก็แล้ว จะเอาตัวรอดกันยังไงดี
เหมือนมันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนะครับ บ้านเรา คือต้นปีมานี่ ฝุ่นก็มา โคดรนาก็มา มิหนำซ้ำก็มีข่าวยิงกันในห้างออกมาอีกสองครั้ง แค่ช่วงต้นปีนี้เองนะครับ แน่นอนว่าผลกระทบหนักคงอยู่ที่ร้านค้าตามห้างนี่แหละ บรรยากาศในหห้างนี่คนไม่ค่อยเดินอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้คนไม่อยากเข้าห้างหนักเข้าไปอีก ลามไปถึงโรงหนังนี่บอกเลย คนไปดูหนังน้อยลงมากกก ผมเองยังห่วงเลยว่าปีนี้รายได้หนังน่าจะตกต่ำเอามากๆ หลายคนก็บอกนะครับว่าเราต้องปรับตัว คนไม่เข้าห้างแล้ว ก็ไปซื้อของออนไลน์ ปรับตัวสิ ขายของออนไลน์สิ ขยันสิ ไปขายของเปิดท้ายสิ ตลาดนัดสิ เอาจริงๆนะครับ ผมว่าคนไทยเยอะมากกกนะครับ ขยันฉิบหาย ขยันจนไม่รู้จะขยันยังไง ทำงานกันเหนื่อยฉิบหาย ก็ไม่เห็นทีท่าว่าจะลืมตาอ้าปากกันได้
มนุษย์ออฟฟิศ น่าเห็นใจที่สุด ตื่นแต่เช้าตีห้า หกโมง เบียดรถเมล์ ย่งกันขึ้นรถไฟฟ้า ดีหน่อยมีรถขับ ก็ออกไปติดบนถนนสองสามชั่วโมง บางคนเลือกทำงานใกล้บ้าน ก็อาจจะสบายหน่อย บางคนออกจากบ้านหกโมงเช้า ถึงบ้านห้าทุ่ม นอนห้าชั่วโมง ต้องตื่นไปทำงานอีกแล้ว ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยสิ แต่ลาออกไม่ได้ เพราะรอบตัวต้องผ่อนสารพัด บ้าน รถ เครื่องไฟฟ้า มือถือ ไหนจะค่าเทอมลูก ทำงานหนักพอแก่ก็ต้องมาเดือดร้อนเข้าโรงพยาบาลอีก ค่ารักษาพยาบาล จนมีความรู้สึกว่าวงจรชีวิตมนุษย์ออฟฟิศนี่เวียนว่ายตายเกิดวนเวียนแบบออกจากวงจรนี้ยากเหลือเกิน อยากเป็นนายตัวเอง อยากลาออก อยากเปิดกิจการ ดูสภาพตลาดร้านค้าสิครับ ทำเลดี ค่าที่แพงมาก ขายดีมาก เหนื่อยแทบตาย เอาเงินไปจ่ายค่าเช่าที่หมด ทำเลง่อยก็ขายไม่ออก เคยเจอไหมค่าเช่าที่เดือนนึงสองสามหมื่นนี่คืออย่างถูก แต่ขายของได้วันละสามร้อย สิ้นเดือนต้องจ่ายค่าเช่าที่ ต้องจ่ายค่าลูกจ้าง หลุดออกมาจากงานออฟฟิศแล้ว กลับไปทำงานออฟฟิศใหม่ก็ยาก จะทำยังไง
ร้านค้าในห้างเองนี่เอาจริงๆ ห้างที่คนยังเดินเยอะๆบางห้างก็ยังขายของแพงอยู่ แต่ก็เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก ค่าเช่าก็แพง ค่าพนักงานก็แพง คนไทยก็ไม่อยากมาทำงานลูกจ้างแล้ว พม่าก็ไม่ได้ว่าค่าแรงถูกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อยากได้ลูกจ้างพม่านี่จะทำให้ถูกต้องทุกอย่างก็ไม่ได้ง่าย ต้องพาไปตรวจร่างกาย เจ้านายต่้องไปเอง ไปแสดงตัว เสียงเงินต่อหัวลูกจ้างรายนึงต่อปีหลักหมื่น ต้องพาไปทำทุกปีนะครับ มันไม่ได้ง่ายเลย บ้านเมืองเราอยากทำอะไรให้ถูกต้องมันยากมากนะครับ ยากจริงๆ
ตลาดนัดตามชุมชนเปิดใหม่เยอะมากกกกก ที่ต้องเปิดตลาดนัดเพราะว่าที่ดินว่างเปล่า ถ้าไม่เอามาทำอะไร จะต้องจ่ายภาษีเยอะ เลยต้องทำตลาดนัด ก็ทำง่ายๆ เอาโครงเอาหลังคามามุงง่ายๆ จัดล็อกขายของ ค่าเช่าที่อาจจะไม่แพง แต่มันก็แพงสำหรับร้านค้่าเล็กๆที่ทุนน้อยๆ ขายผัก ขายส้มตำ ขายยำ ขายอ่อม บางคนมาเปิดได้ไม่นานก็ต้องเลิกขาย ตลาดนัดใหม่ๆโล่งผีหลอกไม่มีคนเดินเลยครับ น่าเห้นใจผู้ค้ามากๆ
ขายของออนไลน์สิ ใครๆก็ทำ นึกสภาพนะครับ เข้าเวบขายของออนไลน์ก็ดี เข้า facebook ก็ดี ทุกคนเป็นแม่ค้าหมด ขายทุกอย่าง เนื้อเค็ม หมูเค็ม ไข่พะโล้ ยังขายกันเลย แม่ค้าเยอะกว่าลูกค้ามากก ทุกคนมีสูตรเด็ด เหนื่อยครับ ขายของออนไลน์มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ขายเสื้อผ้าออนไลน์เอาสิ Central , Uniqlo, Muji , Zara HM มีแพลตฟอร์มขายเองหมด แค่รู้ว่ายี่ห้อนี้เราใส่ไซส์อะไร ก็สั่งออนไลน์ส่งถึงบ้านแล้ว แถมมีโปรโมชั่นออนไลน์เองด้วย นั่นเค้ายังแข่งกันเอง Lazada , Shopee นี่บริษัทเอาของไปลงเองเลย ยูนิลีเวอร์ ไลออน เนสเล่ เอาของไปลงเอง ไม่ต้องเข้าห้างแล้ว พวกเราเห็บหอยจะเอาอะไรไปขายแข่งกับเค้า ร้านค้า บริษัท ห้างร้านเองก็ต้องปรับตัว บ้านเพื่อนผมเนี่ยทำธุรกิจจิวเวลรี่ส่งออก รายได้เดือนนึงร่วมสิบล้าน ตอนนี้ตลาดเงียบกริบ ต้องไปออกรายการทีวีเอาเสื้อผ้าจากเมืองจีนมาขาย รายได้ตกเดือนนึงสองสามล้าน นั่นคือเอาไปจ่ายค่าจ้างพนักงาน จ่ายค่าเช่าโกดังเก็บสินค้า คือนาทีนี้ต้องทำทุกอย่าง หรืออย่างผมเองเนี่ย เขียนหนังสือ ทำขนมเค้ก เห็นเพจคนตามเยอะแบบนี้ มันก็ไม่ได้ว่าขายง่ายนะครับ บางทีผมยังต้องส่งไลน์ไปทักลูกค้าเก่าๆเวลาวันเกิดให้เค้าสั่งเค้กเลย โชคดีมากกก ที่ยังมีลูกค้าประจำค่อนข้างมากเค้ายังเชื่อใจก็ขายได้อยู่
ในภาพนี้เป็นภาพในห้างพันทิพย์ มาจากกระทู้บอร์ด Pantip ว่าด้วยบรรยากาศในพันทิพย์ที่เปลี่ยนไป เงียบเหงา ร้านค้าทยอยปิดตัว มีพ้นที่ว่างมากมาย ที่จอดรถก็โล่ง ทั้งๆที่สมัยก่อนห้างนี้ตลาดไอทีคึกคักสุดๆ สาเหตุมาจากทั้งออนไลน์และงานคอมมาร์ทที่จัดบ่อยมาก รวมไปถึงคนเลิกใช้คอมมาใช้มือถือกันหมดแล้ว เอาจริงๆ สภาพเศรษฐกิจแบบนี้เหนื่อยนะครับ
อย่างเจ๊เล้ง ดอนเมืองนี่ ผมเคยฟังสัมภาษณ์แก แกยังบ่นเลยว่า ออนไลน์ทำไมแกจะไม่ทำ ร้านแกนั่งแพคของออนไลน์ทุกวัน วันละเป็นคันรถๆ แต่ออนไลน์นี่แหละ ทำให้ยอดขายใน้ร้านแกก็ตก คนซื้อของออนไลน์บิลล์นึงอาจจะซื้อของแค่อย่างเดียว แต่ถ้ามาถึงร้าน จะซื้อของเยอะมาก ซื้อของหลายอย่าง เพราะมาแล้วต้องเอาให้คุ้ม ถามว่าทำยังไง ก็ต้องสู่้กันไป ก็ต้องอยู่ให้ได้
พวกเราเองก็เหมือนกัน การเอาตัวรอดในยุคนี้มันไม่ง่ายนะครับ มันเหนื่อยมากกก ผมเข้าใจเลย รอบตัวผมมีเพื่อนทำงานออฟฟิศก็เยอะ เป็นแม่ค้าก็มาก ทุกคนบ่นหมด เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราเองก็บอกกับตัวเองว่า ต้องขยันขึ้นนะ ต้องช่างพูดช่างขาย ต้องคุยเยอะๆ พูดเยอะๆ ปากจะฉีกไปถึงรูหู ก็ต้องขายแม่งตลอดเวลาที่มีลมหายใจ นี่ยังไม่นับว่าเศรษฐกิจแย่แบบนี้ พวกมิจฉาชีพคนขี้โกงก็มาอีกสารพัดรูปแบบ ท่องไว้ในใจ มันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ รวยกันง่ายๆ ป่านนี้คงรวยกันหมดประเทศแล้ว
สู้ๆนะครับ...
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต
คู่แข่งทางการค้าเยอะขึ้น
ขายออนไลน์ สั่งของออนไลน์กันหมดแล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จริงๆ ปรับตัวก็แล้ว ขยันก็แล้วจะเอาตัวรอดกันยังไงดีกับเศรษฐกิจแบบนี้ การค้าขายที่มีแต่อุปสรรค ก็ขอเป็นกำลังใจให้พ่อค้าแม่ค้า รวมไปถึงมนุษย์เงินเดือนทุกคนที่ต้องสู้กับภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณข้อมูลจาก อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก