ผู้ประสบภัยปี 54 เผยอีกมุมเอาถุงคลุมรถกันน้ำท่วมไม่เวิร์ก
จากกรณีที่โลกโซเชียลแห่แชร์ วิธีป้องกันน้ำท่วม เอาถุงมาคลุมรถ ด้านหลายคนที่ผ่านน้ำท่วมปี 2554 ชี้ ทำแบบนี้สุดท้ายไปไม่รอด อย่างไรก็ต้องเอารถไปขึ้นที่สูง พร้อมเผย ถ้าจำเป็นต้องห่อจริงๆ ต้องทำยังไง
ตอนนี้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคกลางและภาคอีสานยังคงวิกฤต ซึ่งหลายบ้านอาจจะเอาของหนีน้ำขึ้นไปไว้ชั้น 2 ของบ้านได้ แต่หากเป็นรถยนต์ล่ะจะทำอย่างไร
มีหลายเพจเสนอไอเดีย เอาถุงขนาดใหญ่มาคลุมรถยนต์เพื่อกันน้ำ จนถูกแชร์ออกไปอย่างมหาศาล และทำให้ถุงแบบนี้ขาดตลาดบนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์และในโซเชียลมีเดีย จนมีการขึ้นราคากันมโหฬาร
ล่าสุดมีผู้ประสบภัยปี 54 เผยอีกมุมหนึ่งว่า การเอาถุงคลุมแบบนี้แล้วปล่อยให้รถแช่น้ำ สุดท้ายแล้วรถก็จะเกิดเชื้อราขึ้นทั้งเบาะรถและห้องเครื่องแทน ซึ่งถ้าน้ำท่วมสูงมาก ๆ น้ำก็จะดันรถให้ลอย แล้วถ้ารถลอยไปปะทะกับสิ่งกีดขวาง ถุงก็จะขาดและน้ำก็จะรั่วเข้ารถอยู่ดี หรือไม่เช่นนั้น รถก็อาจจะลอยไปติดหล่ม เมื่อน้ำแห้งเจ้าของรถอาจจะไม่รู้ว่ารถหายไปไหนแล้ว
เกะถุงมาเห็ดขึ้นเต็ม
ความคิดเห็นชาวเน็ต
บางคนได้ออกมาเผยว่า หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ให้พยายามจอดรถในที่สูง ถอดขั้วบวกขั้วลบ ถอดสมองกลของรถออกมา พยายามเลี่ยงความเสียหายให้น้อยที่สุด ถ้าน้ำลดแล้วค่อยมาซ่อมรถอีกที
"อย่าหาทำ"
แต่ถ้าจำเป็นต้องห่อจริงๆ ต้องทำยังไง วิธีการคือก่อนจะคลุมถุงแบบนี้
1.ถ่ายน้ำยาแอร์ออก
2.เอาของออกให้หมดเท่าที่ออกได้
3.เช็กว่าภายในรถจะต้องไม่เปียก
4.เช็ดช่องแอร์ด้วยไม้พันก้านสำลีชุบน้ำส้มสายชูเช็ดให้ลึกที่สุดให้ทั่ว
5.ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อโรค
6.สารกันชื้นเยอะๆหรือถ่านไม้ สองอย่างได้ก็ดี
ปล.แต่ท่ารถโดนท่วมเกิน 2-3อาทิตย์ ก็ทำใจไว้เลยว่าราจะขึ้นเยอะไหม แต่ก็ดีกว่าทำเครื่องใหม่เนาะ ยิ่งเป็นรถใหม่ๆ ไม่มีใครอยากโดนแกะเครื่องหรอกจริงไหม
ทางที่ดีที่สุดถ้ามีเวลาห่อถุงขนาดนั้นควรรีบเอารถไปจอดไว้ในที่สูงเช่นสะพานลอยใกล้บ้านเท่าที่เห็นมาวิธีนี้ปลอดภัยจริงแต่ไม่ควรเอาของมีค่าไว้ในรถเสี่ยงต่อการโดนทุบกระจก อย่าลืมว่ารถแช่น้ำหลังน้ำลดยังไงก็ต้องเช็กระบบไฟหรือซ่อมอยู่ดี
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : ชี้โพรงของดี