ไขข้อสงสัย ฝนตกหนักต้องเปิดไฟฉุกเฉินวิ่งจริงหรือไม่
การเปิดไฟฉุกเฉินขณะฝนตก จะทำให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมา รวมถึงผู้ร่วมใช้ถนนอื่นๆ ไม่สามารถรับรู้ถึงความต้องการของเราได้ ว่าต้องการจะเปลี่ยนเลนไปทางซ้าย หรือทางขวา หรือต้องการที่จะจอด วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาหาคำตอบกันว่าแท้จริงแล้วขณะฝนตกหนักต้องเปิดไฟฉุกเฉินวิ่งจริงหรือไม่
การเปิดไฟฉุกเฉินยังส่งผลให้ดวงตาของผู้ขับขี่พร่าเบลอได้ จากการหักเหของแสงสีเหลือง (เป็นแสงที่มีความสามารถในการจับวัตถุในที่มืดได้ดี) ที่กระทบกับหยดน้ำฝน หรือพื้นถนนที่มีน้ำขัง เข้าสู่ดวงตาเรา และยิ่งมีรถหลายคันเปิดไฟฉุกเฉินพร้อมกันด้วยแล้ว จะกะระยะได้ยาก สายตาจะเบลอจนตาลาย ไม่รู้คันไหนจะเลี้ยวไปทางไหน เหมือนเจอหิ่งห้อยตัวใหญ่บนถนนไม่มีผิด
ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องขับรถขณะฝนตกหนัก และมีทัศนวิสัยแย่ ควรปฏิบัติดังนี้ เปิดระบบปัดน้ำฝนให้แรงสุด (ไม่ต้องกลัวพัง) ลดความเร็วลงจนกว่าจะมองเห็นทัศนวิสัยที่ชัดขึ้น เปิดไฟส่องสว่างให้หมด ยกเว้นไฟสูง ถ้ารถมีไฟตัดหมอกหน้าหรือหลังให้เปิดด้วย (การเปิดไฟตัดหมอกให้สังเกตว่า ถ้ามองไม่เห็นไฟท้ายรถคันหน้าในระยะ 50-100 เมตร สามารถเปิดได้ แต่เมื่อทัศนวิสัยดีขึ้นตามลำดับให้ปิดเสีย เพื่อไม่ให้เข้าตารถเพื่อนร่วมทาง) ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่คิดว่าปลอดภัย และไม่ควรเปลี่ยนเลนไปมาโดยไม่จำเป็น เพียงเท่านี้ ทั้งคุณและเพื่อนร่วมทางก็จะผ่านสภาพเส้นทางที่เลวร้ายไปได้ และสามารถใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัยมากขึ้น
สรุปว่า ฝนตกหนักต้องเปิดไฟฉุกเฉินวิ่งเป็นการใช้งานผิดวัตถุประสงค์ ทำให้ผู้ร่วมทางตาพร่า สับสน และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ กฎหมายกำหนดให้ใช้ไฟฉุกเฉิน เฉพาะกรณีรถที่ “จอดเสีย” อยู่กับที่เท่านั้น
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th