ทำความรู้จัก ตะเคียนทอง ต้นไม้ที่คนนิยมปลูกเป็นไม้ ไม่ผลัดใบ
ทำความรู้จัก ตะเคียนทอง ต้นไม้ที่คนชอบปลูก แต่เป็นไม้ "ไม่ผลัดใบ" เป็นพืชที่มีสีสรรสวยงามเมื่อออกดอกออกช่อ และให้ความร่มรื่นเป็นอีกหนึ่งต้นไม้ที่คุณ "นิยมปลูก" กันอย่างแพร่หลาย
สำหรับ "ต้นตะเคียนทอง" หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Hopea odorata Roxb เป็นพืชที่มีสีสรรสวยงาม และให้ความร่มรื่น
โดยข้อมูลจาก ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ระบุถึงต้นตะเคียนทองไว้ดังนี้
เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 40 เมตร เรือนยอดแน่นสีเขียวเข้ม เป็นพุ่มกลม ลำต้นเปลาตรง เปลือกต้นสีน้ำตาลดำแตกเป็นร่องลึกตามยาว เมื่ออายุมากขึ้นเปลือกจะเป็นเกล็ดๆ เปลือกชั้นในสีเหลืองหม่น มักมียางสีเหลืองซึมออกมา กิ่งแผ่กว้างกิ่งแขนงเรียวเล็กลู่ลง
ส่วนที่ยังอ่อนอยู่มีขน ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่แคบหรือขอบขนาน กว้าง 3-7 เซนติเมตร ยาว 8-16 เซนติเมตร เนื้อใบค่อนข้างหนา ปลายใบเรียวแหลม มีหางโคนใบสอบ แผ่นใบบิดเป็นลอนเล็กน้อย แผ่นใบเรียบทั้งสองด้าน ใบอ่อนมีขนรูปดาวสีเทา ก้านใบสั้นเรียวเล็ก ยาว 1-1.8 เซนติเมตร หูใบเป็นรูปสามเหลี่ยม เส้นใบข้าง 11-12 คู่ และเส้นใบย่อยเชื่อมเป็นขั้นบันได
ดอกออกเป็นช่อ แบบช่อแยกแขนงที่ซอกใบและปลายกิ่ง มีดอกย่อยช่อละ 40-50 ดอก ช่อยาว 5-7 เซนติเมตร ดอกสีเหลืองแกมน้ำตาล มีกลิ่นหอม มีขนนุ่ม กลีบดอกมี 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่กลีบดอกจะบิดคล้ายกงจักร ขนาดดอก 0.8-1 เซนติเมตร กลีบดอก 3-5 มิลลิเมตร ปลายกลีบหยักส่วนล่างบิดและเชื่อมติดกัน
เมล็ดค่อนข้างกลมสีน้ำตาล 1 เมล็ดต่อผล พบขึ้นตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ใกล้ลำธาร ที่ความสูง 100-800 เมตร จากระดับน้ำทะเล ออกดอกราวเดือน ธ.ค. - มี.ค. ติดผลราวเดือน ก.พ. - มิ.ย.
สรรพคุณ : ตำรายาไทย เปลือก เนื้อไม้ มีรสฝาด ใช้ฆ่าเชื้อโรค แก้อักเสบ ห้ามเลือด เปลือก รสฝาดเมา ใช้สมานแผล แก้บิดมูกเลือด แก้เหงือกอักเสบ และฆ่าเชื้อโรคในปาก แก้ลงแดง แก่น มีรสขมหวาน รักษาคุดทะราด ขับเสมหะ แก้โลหิตและกำเดา แก้ไข้สัมประชวร (ไข้ที่เกิดจากหลายสาเหตุ มักแสดงอาการที่ตา เช่น แดง เหลือง หรือขุ่นคล้ำ เป็นต้น) ยาง บดเป็นผงรักษาบาดแผล ชันใช้ผสมน้ำมันยางทาไม้ ทำน้ำมันชักเงา ยาแนวเรือ
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : phargarden