เช็กด่วนสถานะลงทะเบียนเกษตรกร 15 พ.ค. เริ่มจ่ายรายละ5,000/ด.
วานนี้ 28 เมษายน ที่ผ่านมา บริเวณท่าเทียบเรือหน้าวัดเกาะแก้ว ต กระดังงา อ บางคนที จ สมุทรสงคราม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ล่องเรือจากท่าเรือใน อ บ้านแพ้ว จ สมุทรสาคร สำรวจแม่น้ำลำคลอง มาติดตามงานนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พร้อมตรวจเยี่ยมสถานการณ์ภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งของจังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรอันเนื่องมาจากการไม่สามารถขายผลผลิตได้
นายอลงกรณ์ กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า จากการล่องเรือสำรวจลำน้ำ แม่น้ำท่าจีน คลองทองหลาง แม่น้ำแม่กลอง และคลองบางน้อย ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ได้เห็นสภาพ การสูงต่ำของภูมิประเทศ ระดับน้ำการไหลของน้ำ วิถีชุมชนริมน้ำ ประกอบกับปัญหาต่างๆ ที่ส่วนราชการได้นำเสนอ
จึงเห็นภาพรวมทั้งระบบ จุดสำคัญต่างๆ ดังนั้นจะยกระดับโครงการพัฒนาให้เป็นความสำคัญ 3 จังหวัด สมุทรสาคร ราชบุรี สมุทรสงคราม จะประชุมหารือกันในช่วงปลายสัปดาห์หน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งให้ออกแบบภาพรวม ทั้งวิศวกรรม การดำเนินชีวิต เหนือน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
การดำเนินงานทั้งอดีตและปัจจุบัน อัพเดทข้อมูลจากนั้นจะทำประชาชาคมความคิดเห็นให้มีส่วนร่วมภาคประชาชน ซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็ว ตลอดจนจะส่งเสริมการท่องเที่ยวการเกษตร ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจเล็กๆในเชิงระบบนิเวศน์ด้วย
ขอให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจเกษตรกรที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากสถานการณ์การแพร่กระจายของ CO VID ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามให้เร็วที่สุด และเร่งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการเริ่มทยอยจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป นายอลงกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจาก CO VID ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28เมษายน ได้เห็นชอบ จ่ายเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรโดยตรงรายละ 5000 บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึง กรกฎาคม 2563 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรไม่เกิน 10 ล้านราย ประกอบด้วย
1 เกษตรกรเป้าหมายกลุ่มแรก ได้แก่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง จำนวน 8จุด43 ล้านราย และ
2 เกษตรกรเป้าหมาย กลุ่มที่สอง ได้แก่ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียน ไม่เกิน 1จุด57 ล้านราย รวมวงเงินของโครงการไม่เกิน 150000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เกษตรกรที่ไม่มั่นใจว่าได้เคยขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะการขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ โดยใช้บัตรประชาชนเลข 13 หลัก >>>คลิกตรวจสอบ<<<
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเรามีฐานข้อมูลเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนด้านการเพาะปลูก ประมาณ 7.5 ล้านครัวเรือน โดยมีเกษตรกรได้เข้ามาปรับปรุงรอบการผลิต 2562/63 ทั้งสิ้น 6.2 ล้านครัวเรือน ซึ่งการขึ้นทะเบียนเกษตรกรนั้นจะส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพเกษตรกรจึงอยากให้มีการเข้ามาลงทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลกัน โดยเอกสารการขึ้นทะเบียนก็จะมี บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารสิทธิที่ดินทำการเกษตร หรือสัญญาเช่า
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : matichon