หมอธีระ เตือนอีกรอบ เราเหลือเวลาน้อยแล้ว ต้องปิดประเทศ ปิดบ้านแยกกันอยู่
เป็นหมออีกหนึ่งท่านที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในตอนนี้ สำหรับ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ล่าสุด ก็ได้ออกมาโพสต์อีกว่า...
โพสท์ ตั้งแต่วันที่ 19/3/63
ถ้าเราทำเช่นนั้นอาจทำให้เราทราบว่าถึงเวลาที่ “เกือบเป็นปกติ” เมื่อไร และหลังจาก 21 วันแล้ว ต้องตามติดด้วยอย่างอื่น ไม่ใช่จบลงห้วนๆ ที่ 21 วัน แต่แน่นอนจะเป็นประเทศที่สะอาด และสมบูรณ์ ในที่สุด ในช่วงปิดบ้านแน่นอนต้องมีกระบวนการช่วยเรื่องอาหารและเครื่องใช้และในกรณีที่สถานที่แออัดคับแคบจำเป็นที่จะต้องในสถานที่พักพิงเพื่อให้ผ่านช่วงระยะเวลานั้นได้
สาเหตุสำคัญที่ต้องปิดประเทศและต้องปิดบ้านแยกกันอยู่ ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา 19/3/63
1- ไม่มียา
ยาที่คิดว่าจะใช้ได้ มีการรายงานมาหลายคราว และล่าสุดในวารสาร นิวอิงแลนด์ 18 มีนาคม ว่า ยา lopinavir/ritonavir ไม่ได้ผล มีแต่ยาchloroquine ที่รักษามาลาเรีย ที่เราพอหาได้ กับ favipiravir (ผลิตที่ญี่ปุ่นและจีน) ที่เรามีจำนวนจำกัดมากสำหรับคน 600 ถึง 700 คนเท่านั้น และภาวนาให้มีพอเป็นหมื่นๆคน (1คนใช้ 70 เม็ด)
2- ระบบสาธารณสุข กายภาพ อุปกรณ์ กำลังคน
เตียง แยกอาการหนัก ที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิตและก่อให้เกิดละอองที่จะให้เกิดการติดต่อทางการหายใจ ควรต้องเป็นห้องความดันลบจริงๆ ที่ทั้งประเทศ มี 100 กว่าห้อง (ใช่หรือไม่) และกระจัดกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆแห่งละไม่มาก ห้องที่ดัดแปลง รวมทั้งห้องแยกอื่นๆ รวมทั้งไอซียู มีพอจริงหรือไม่ รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิต
นอกจากนี้ ห้องเหล่านี้ในโรงพยาบาลหลายแห่งใช้เครื่องปรับอากาศรวม ถ้ามีการใช้อุปกรณ์ ที่ก่อให้เกิดการติดต่อทางการหายใจจะสามารถแพร่กระจายไปกว้างขวาง
บุคลากรมีหมอทั่วประเทศไม่ถึง 30,000 คนและเป็นหมอติดเชื้อ ทางปอด และภาวะวิกฤตมีอาจจะเป็นจำนวน 1000 หรือน้อยกว่า
และถ้าเกิดเหตุวิกฤตเอาหมอทั่วไปที่ไม่ชำนาญในการดูคนไข้และการใส่ชุดปกป้องตัวเอง แทนที่จะช่วย กลับติดโรคและกลายเป็นภาระให้ต้องรักษาต่อ
ทางพยาบาล นักวิทยาศาสตร์ เทคนิคการแพทย์จะยิ่งแล้วใหญ่ โดยที่ขณะนี้งานหนักมหาศาลอยู่แล้ว และคนไข้แออัด เต็ม วอร์ด เต็มไอซียู และครองเตียง ครองเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ช่วยชีวิตไปหมดแล้ว
3- ถึงวันนี้เป็นวาระสุดท้ายที่ต้องก้าวนำเชื้อโรคไม่ใช่เกิดวิกฤติรุกล้ำเข้าไปในระบบสาธารณสุขมากกว่านี้ ดังที่มีข้อจำกัดมาก ดังข้อ 1-2
ถ้ายังคงก้าวตามหลัง ดูตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต โดยไม่ได้ตระหนักว่าโรคนี้การติดต่อ จากบุคคลสู่บุคคลเป็นลูกโซ่ และยากที่จะจำกัดผู้ติดเชื้อและผู้ใกล้ชิด ที่แพร่เชื้อได้
ทั้งนี้เนื่องจากผู้ติดเชื้อที่เป็นหนุ่มสาวแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวจะเป็นคนแพร่เชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าในที่ทำงาน ในระหว่างการเดินทางด้วยรถสาธารณะ หลังเวลาทำงาน ไปแพร่ระหว่างกลุ่มคนอีกมากมาย และเมื่อเชื้อแพร่เข้าไปในกลุ่มคนเปราะบางสูงอายุและมีโรคประจำตัว และเมื่อเชื้อเข้าไปในโรงพยาบาล จากญาติผู้ป่วยที่เข้าไปเยี่ยมโดยมีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือน้อยมากจนตรวจจับไม่พบ เมื่อนั้นก็จะเป็นการแพร่อย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะใน รพ ที่แออัด ตั้งแต่ ที่จอดรถ หอ ผู้ป่วยนอก และแน่นอน แพร่ไปทุกพื้นที่ การปิดบ้าน ปิดเมืองเดี่ยว ยากที่จะทำให้ประเทศสะอาด เรียนจากประเทศจีน เรียนจากประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมรับบทเรียนและวิธีแก้ไขจากประเทศจีน เราฟื้นความมั่นใจความเชื่อมั่นรวมทั้งเศรษฐกิจได้ถ้าเราทำจริง เราเหลือเวลาน้อยมาก จากใจ หมอธีระวัฒน์
เป็นข้อความจาก จากใจ หมอธีระวัฒน์ ที่เป็นห่วงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ย้ำว่าเราทำจริง เราเหลือเวลาน้อยมาก
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณข้อมูลจาก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha