แบ่งปันประสบการณ์อาชีพล่องเรือสำราญได้เงินรอบละ 2-3 หมื่น
เรือสำราญ เป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งการท่องเที่ยวบนเรือสำราญนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ธุรกิจนี้จึงต้องการพนักงานที่มีความสามารถและเซอร์วิสในระดับที่ดีมาก เพราะนักท่องเที่ยวที่ยอมจ่ายแพงก็คาดหวังที่จะได้รับบริการและความพอใจที่ดีที่สุด
ล่าสุดสมาชิกพันทิปหมายเลข 888400 เล่าประสบการณ์ทำงานจริงบนเรือสำราญข้อความระบุว่า ความเดิมตอนที่แล้ว เพื่อนๆย้อนกลับไปดูได้นะครับ อันนี้จะเป็นความเดิมตอนที่แล้ว กับการทำงานเรือสำราญปีแรกและครั้งแรกในชีวิต
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีทุกๆท่านนะครับที่ติดตามผมมาและท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ข้อความต่อไปนี้ อาจจะมีประโยชน์ให้แกท่าน ไม่มากก็น้อยครับ ย้ำนะครับว่า เนื้อหาจะเป็นความจริงของเจ้าของกระทู้เท่านั้น เป็นความคิดส่วนตัวไม่ได้เอาความคิดของคนอื่นมาเกี่ยว ชอบไม่ชอบก็เป็นความคิดของเจ้าของกระทู้เองเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผู้อื่นแต่อย่างใด
จากกระทู้ก่อนหน้านี้ เคยกล่าวไว้ทิ้งท้ายว่า "ครั้งที่แล้วเที่ยวยุโรปจนเบื่อ ครั้งนี้จะไปอีกซีกหนึ่งของโลก อาลาสก้า ยังไม่เคยไป ฮาวาย แม๊กซิโก บลาๆๆ พร้อมนะ แล้วคุณหล่ะ พร้อมแล้วหรือยัง" เรามาดูกันว่า การทำงานในแถบนี้จะเป็นอย่างไรแล้วจะสนุกอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ เราไปกันเลย
Contract ปีที่สองเริ่มขึ้น ตั๋วเครื่องบินพร้อม โรงแรมที่พักพร้อม แต่ใจยังไม่พร้อมเลย เป็นอะไรที่ยากอยู่เหมือนกันกับการตัดสินใจ สิ่งที่ยากที่สุดคือการชนะใจตัวเอง ทำใจอยู่นานก่อนถึงวันบิน แล้วครั้งนี้จะไม่มีเพื่อนๆที่ทำด้วยกันเมื่อครั้งที่แล้วเลย แยกย้ายไปคนละลำ บางคนก็ไม่ต่อสัญญา บางคนก็ขอเลื่อนการบิน แต่มีน้องคนใหม่ที่น้องไปเป็นปีแรก น้องก็โทรมาหาเรา เพราะทาง Agency ให้เบอร์ติดต่อของเราไป น้องโทรมา ถามว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง เราก็บอกทุกอย่างจากประสบการณ์ที่ผ่านมา น้องบอกว่า ตื่นเต้นมาก เราก็เอ่อ อย่าคาดหวังมากนะ มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ ซึ่งก็นึกถึงตัวเองตอนปีแรกเหมือนกัน เราก็ตื่นเต้นแบบนี้แหล่ะ ก็เลยเข้าใจ ถึงวันบิน เราก็มาเจอน้อง พาไปรายงานตัวเพื่อไปทำงานต่างประเทศก่อนจะบิน น้องตัวใหญนิดๆเจ้าเนื้อหน่อยๆ (แอบนินทาน้อง ฮ่าๆๆ) ขอข้ามช่างเวลาเดินทางเลยนะ พอมาถึง ซานดิเอโก ก็รอรถมารับไปโรงแรม เราจะพักผ่อน 1 คืนที่ซานดิเอโก ของเมือง แคลิฟอร์เนียก่อนขึ้นเรือตอนเช้า
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ต้องขึ้นเรือ งองแงมาก แต่ก็อย่างว่า อยากเที่ยวฟรี ก็ต้องทำงานแลกเค้าหน่อยสิ ขึ้นเรือก็จะเป็นกระบวนการที่กล่าวไปแล้วในกระทู้ก่อนหน้า กลับไปอ่านได้นะครับขอไม่เล่า จะข้ามมาตรงการทำงานเลย แน่นอนว่า เรือคนละลำ ก็จะคนละสังคม มันมีอยู่จริง ถึงแม้ว่า จะเป็นบริษัทเดียวก็ก็ตาม สังคมเรือลำนี้ แรกตอนขึ้นมา โห ทำไมมาเฟียเยอะจัง มีแต่คนโหดๆ เพื่อนๆจาเรือเก่าเรา หายไปไหนหมด ยอมรับเลยว่า เครียดมาก ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์มาแล้วหนึ่งปี ก็ไม่ได้ช่วยอะไรช่วยได้แค่เฉพาะเรื่องงานพื้นฐานหลักๆ แต่ในเรื่องสังคม กระบวนการงานต่างๆ ต้องปรับตัวใหม่หมด เอาแล้วสิ เป็นเรื่องเลยเรา เหวอหนักกว่าเดิม เพราะ ไม่มีเพื่อนเลย มีแต่ก็น้องที่มาด้วยกัน แต่เราก็ต้องทำตัวเป็นรุ่นพี่คอยช่วยน้องอีก จากจริงๆนะจุดๆนี้ แต่ก็ยังดีที่มี เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ คนไทยอยู่บนเรือลำนี้กันเยอะพอสมควร การปรับตัวเป็นไปอย่างถูลู่ถูกัง อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนเวลาผ่านไปเป็นเดือน สองเดือน จนอยู่ตัว จนตอนนี้ ก็เรามาโฟกัสเรื่องเที่ยวดีกว่า เวลาในการเที่ยวขอเล่าอีกครั้งแล้วกัน เผื่อบางคนลืมไปแล้ว ไม่ต้องย้อนกลับไปดูกระทู้เก่าหรอกนะ ฮ่าๆๆๆ
ตารางงานก็จะมี 4 แบบนะคือ 1) 6:00-11:00 - break - 16:30 - 22:30 (ว่างยาวเชียว นอนพักยาวเลย) 2) 11:00 - 16:00 - break - 16:30 - 22:30 (แอบเบรคแค่ 30 นาที จะทันมั้ยเนี่ย) 3) 7:00 - 10:00 - break - 13:00 - 15:00 - break - 16:30 - 22:30 (อันนี้ถือว่าโหดอยู่นะ) 4) 7:00 - 9:30 - break - 11:30 - 13:30 break - 16:30 - 22:30 (อันนี้จะเป็นในส่วนของ Dining Room นะครับ)
หมายเหตุ : ตารางการทำงานอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลานะครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กัยสถาณการณ์ต่างๆ แล้วก็เมืองที่ไปจอดนะครับ บางคนได้หยุดครึ่งวันนะครับ ไม่ได้เป็นแบบนี้ตลอดนะ แอบบอกไว้นิดหนึ่ง
ได้เที่ยวฮาวายแล้ว เย้ ออกมาจากเรือ ก็เดินไปห้าง wallmart จากนั้น ก็ไป chaina town แล้วก็ขึ้นรถเมล์ ไปชายหาด เล่นน้ำทะเล เล่นกระดานโต้คลื่น หาดสวยมาก สนุกมากเลย ดีใจมากที่ได้มาถึงที่นี่ รอมานาน HAWAII สวยงามตามท้องเรื่อง มีเวลาแนะนำให้นั่งแท็กซี่นะ อย่านั่งรถเมล์ คือแบบว่า จอดทุกป้าย เสียเวลามาก หาดสาย อาหารอร่อย
อยากจะบอกว่า การที่เราออกไปเที่ยวนั้น อย่าลืมดูเวลาเด็ดขาด ถ้ากลับมาไม่ทันเรือออก งานเข้าเลยนะ อาจโดนส่งกลับบ้าน หรือไม่ก็ต้องรอจนกว่าเรือจะวนกลับมารับ แต่ถ้าเรือไม่กลับมาแล้วก็ต้องบินตามมาขึ้นเรือ ซึ่งจะยุ่งยากมาก เวลาสำคัญมากนะทุกคน อย่ามัวแต่เที่ยวจนเพลิน
เมื่อมาอลาสก้า ก็ต้องมีภูเขาน้ำแข็งใช่ป่ะ มีนะ สวยงามมาก หนาวมากด้วย ทำงานนอกสถานที่ ต้องใส่เสื้อกันหนาวด้วย เสื้อกันหนาวก็เป็นของบริษัทนั่นแหล่ะ ก็จะมีการออกแบบแตกต่างกันไปแล้วแต่แผนกที่เราทำ
แล้วก็คงไม่พ้น ปูอลาสก้าด้วย เจ้าของกระทู้ไม่ได้กินนะ เพื่อนๆกิน เพื่อนบอกอร่อยมาก สดมากด้วย ใครไปต้องลองนะ เพราะบนเรือก็มีนะ
แนะนำว่า ถ้ามาช่วงเดือน ต้นปี ให้รีบขึ้นเขานะ เค้าจะมีหิมะ ถ้าทำงานเรือ ออกได้ รีบออก ไม่งั้นหิมะหมดนะ จะอดถ่ายรูปสวยๆ ชอบอลาสก้าคือ อากาศเย็น มีร้านกาแฟ มีบาร์ให้นั่งดื่ม แบบมาทุกครั้งที่จอดท่าแห่งนี้ แบบว่า ออกเที่ยวตั้งแต่ บ่ายโมง กลับประมาณหกโมงเย็น เที่ยวให้หนำใจไปเลย มีร้านอาหารไทยด้วย ไปจนพี่เจ้าของร้านจำได้ แถมให้ทุกครั้งเลย มีชาไทยอร่อยๆ ข้าวมันไก่ที่กินแล้วจะนึกถึงบ้านมาก
อาชีพงานเรือสำราญ จริงๆแล้วไม่ยากนะ เพียงแค่ต้องมีพื้นฐานในสายงานที่ตนจะทำ และต้องมีความอดทน ไม่ต้องขยันมากเพราะถึงเวลาทำงานจริงๆ มันจำเป็นต้องทำ เพราะมันคือหน้าที่ และที่สำคัญถ้าเรือของเรามาล่องที่อลาสก้า บอกได้เลยว่า จะเหนื่อยมากถึงมากที่สุด เพราะลูกค้าที่ขึ้นเรือ จะแตกต่างกับโซนอื่นๆมาก เช่นโซนยุโรป นี่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จากประสบการณ์ที่เคยทำมา เพราะจะเป็นทริปสั้นๆ 3 - 7 วัน
ลูกค้าก็จะเป็นกลุ่มคนทุกวัย ทุกฐานะ เพราะ ฉนั้น อย่าพูดถึงลูกค้าที่น่ารักนะ มีน้อยเลยเพราะจะมีลูกค้าที่มีความต้องการสูงมาก ต่างจากลูกค้าโซนยุโรบ เพราะราคาล่องเรือจะสูงมากและเวลาล่องเรือจะยาวต่อครั้ง 18-28 วัน บางคนล่องเป็นสองสามเดือน ก็จะเป็นลูกค้าที่มีเงินมากกก ซึ่งเอาง่ายๆนะแบบไม่ได้ว่าใคร แต่คนอ่านก็น่าจะเข้าใจดีว่าผมหมายถึงอะไร คนที่มีเงินมาก แบบมากจริงๆ เค้าไม่ต้องการอะไรหรอก สูงสุดสู่สามัญ ลูกค้าก็จะแบบง่ายๆน่ารัก อันไหนก็ได้ พลาดอะไรก็บบอกว่า ไม่เป็นไร คอยให้กำลังใจลูกเรือ เปรียบเสมือนบ้านหลักที่สองของพวกเค้า
แต่ถ้ามองมาที่ลูกค้าฝั่ง อลาสก้านะ เอาแบบว่า ตรงข้ามเลย เริ่มซีซั่น ก็จะพอมีบ้าง แต่พอกลางๆซีซั่นก็จะมีน้อย แต่ถ้าใกล้หมดซีซั่นแล้วหล่ะก็ตัวใครตัวมัน พยายามอย่าทำพลาดเด็ดขาด ไม่งั้นโดนคอมเพลนแน่ อาจจะเสียตั๋วฟรี หรือไวน์ฟรีเลยนะ อันนี้ไม่ได้ว่าลูกค้านะ ลูกค้าดีก็มี แต่พอมาเจอกับตัว โหย น่ากลัวมาก แต่ก็ผ่านมาได้ อันนี้ต้องระวัง แต่ในข้อเสียก็มีข้อดีนะ อลาสก้าช่วงวันล่องเรือของลูกค้าจะน้อย ที่เราทำคือ 7 days cruise ก็จะได้ทิปบ่อย เดือนหนึ่งจะได้ทิป 4 รอบ รอบละประมาณ 2-3 หมื่นบาท
ต้องบอกไว้ก่อนนะว่า ทิป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้า ทุกคนจะได้ไม่เหมือนกัน เราต้องมีลูกค้าประจำ สร้างความพึงพอใจ แล้วเค้าก็จะให้ค่าขนมเราเอง เราทำด้วยใจ อยากให้เขามีความสุขตลอดการเดินทาง เพราะถ้าเป็นเราก็คงอยากให้มีคนบริการกับเราแบบนั้น เพื่อประสบการณ์ที่ดี ถ้าคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงอยากรู้ว่า รายได้ที่เจ้าของกระทู้ทำได้เท่าไร ก็จะบอกให้นะ แบบว่า เงินเดือนเราไม่เคยใช้ บริษัทโอนเข้าบัญชีที่ไทยอัตโนมัต ไม่เคยจับเงินเดือนตัวเองเลย เงินที่ใช้ตลอดแปดเดือน คือเงินทิปล้วนๆ เงินที่ได้จะไม่เท่ากันในแต่ละเดือน ขึ้นอยู่กับว่า เดือนนั้นจะได้ทิปมากหรือน้อย เอาแบบเฉลี่ยๆนะ ก็จะอยู่ที่ 120K - 150K โดยประมาณ เยอะมั้ยอ่ะ แต่เอาจริงๆจากใจ เราคิดถึงยุโรปมาก เนื่องด้วยเป็นเพราะลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เรารักลูกค้าโวนยุโรปมากกว่า
แล้วครั้งนี้ได้ไปเที่ยว seattle ด้วยนะ ไปร้าน starbucks สาขาแรกของโลกด้วย แอบถ่ายรูปมาด้วยนะ แล้วซื้อแก้วมาเยอะมากเป็นของฝาก
งานนี้ ได้ออกมาเที่ยวทุกอาทิย์เลย เพราะว่าเรือจะมาจอดที่ seattle ทุกอาทิตย์ แล้วก็จะมีไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แบบว่าก็สนุกนะ เจออะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเจอ ได้ลองทำอะไรที่สนุกๆ
ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย
ก่อนจะจบผมขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ปีหน้าผมจะไปแถบยุโรปนะ แต่คนละที่กันที่เคยไป จะเจออะไรใหม่ๆ แล้วจะเป็นยังไง เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟังในครั้งหน้านะครับ ครั้งนี้ขอลาไปก่อน ผู้อ่านท่าใดมีคำถาม ถามมาได้เลยครับ จะตอบให้ทุกท่านเลยนะครับ
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : สมาชิกหมายเลข 888400