สภาเศรษฐกิจโลก เผย 5 ปัจจัยประเทศไทยเสี่ยงฟองสบู่แตก
สภาเศรษฐกิจโลกเผยความเสี่ยงต่อการประกอบธุรกิจในประเทศไทย 5 เรื่อง พบปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่นำมาเป็นอันดับแรก เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงเหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 225% ของจีดีพีโลก
วันนี้ (15พ.ย.62) นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ศึกษารายงานเรื่อง "ความเสี่ยงระดับภูมิภาคในการประกอบธุรกิจ (Regional Risk of Doing Business 2019) ที่จัดทำโดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum)
ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลการจัดอันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พบว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงเหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 225% ของจีดีพีโลก สะท้อนความอ่อนแอของภาคการเงินส่งผลเกี่ยวเนื่องต่อ ความเสี่ยงในด้านการจ้างงาน การจัดสวัสดิการของภาครัฐแก่ประชาชน และราคาพลังงาน
นอกจากนั้นสภาเศรษฐกิจโลก ได้จัดอันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจทั่วโลกปีนี้ 10 อันดับแรก คือ
1.วิกฤตทางการเงิน
2.การโจมตีทางไซเบอร์
3.ภาวะการว่างงาน
4.วิกฤตราคาพลังงาน
5.ความล้มเหลวของรัฐบาล
6.ความวุ่นวายทางสังคม
7.การโจรกรรมข้อมูล
8.ความขัดแย้งระหว่างรัฐ
9.การขาดโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
10.เศรษฐกิจฟองสบู่
โดยความเสี่ยงในการทำธุรกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกนั้น แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเทคโนโลยี ด้านภูมิรัฐศาสตร์ และด้านเศรษฐกิจ
โดยสรุป 10 อันดับความเสี่ยงในการทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ได้แก่
1.ภัยธรรมชาติ
2.การโจมตีทางไซเบอร์
3.ความขัดแย้งระหว่างรัฐ
4.วิกฤตการณ์ทางการเงิน
5.เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศที่รุนแรง
6.เศรษฐกิจฟองสบู่
7.การโจรกรรมข้อมูล
8.วิกฤตราคาพลังงาน
9.ภาวการณ์ว่างงาน
10.ความล้มเหลวของรัฐบาล
ส่วนความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เศรษฐกิจฟองสบู่ 2.ความล้มเหลวของรัฐบาล 3.การโจมตีทางไซเบอร์ 4.ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโดยมนุษย์ และ 5.ความไม่มั่นคงทางสังคม
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : tnnthailand