ชิมช้อปใช้เฟส3 เล็งเพิ่มอีก 2ล้านคน ขยายเวลาถึงสิ้นเดือนม.ค.63
ชิมช้อปใช้เฟส 3 ลงทะเบียนเพิ่มอีก 2 ล้านคน ขยายเวลาเป็นสิ้นเดือนมกราคม 2563 พร้อมทั้งปลดล็อกเงื่อนไขให้ใช้เงินในเป๋าตั้ง 2 ได้ทุกจังหวัดจากเดิมที่ห้ามใช้ในจังหวัดที่ตัวเองอยู่ โดยการปลดล็อกนี้ให้มีผลกับผู้ที่ได้สิทธิ์ในเฟส 1 และ 2 ด้วย
มาตรการส่งเสริมการบริโภคในประเทศ “ชิมช้อปใช้” มีผู้สนใจเข้าร่วม “ชิมช้อปใช้ เฟส 1” และ “ชิมช้อปใช้ เฟส 2” รับเงินผ่าน “เป๋าตัง” (G-Wallet) รวมจำนวน 13 ล้านคน โดยลงทะเบียนช้อปชิมใช้รับสิทธิ์ทางเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com
โดยเงื่อนไขการเข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้
1. เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
2. มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
3. มีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตและมีอีเมล
ล่าสุดนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.กาญจนบุรี วันที่ 12 พฤศจิกายน นี้ คลังจะเสนอให้ ครม. เห็นชอบมาตรการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” โดยให้ประชาชนลงทะเบียนเพิ่มอีก 2 ล้านคน โดยจะได้สิทธิ์เป๋าตัง 2 เท่านั้น ไม่ได้สิทธิ์เป๋าตัง 1 วงเงินซื้อสินค้า 1,000 บาท เหมือนโครงการชิมช้อปใช้ เฟส 1 และชิมช้อปใช้ เฟส 2 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังขอให้ ครม. ขยายเวลามาตรการชิมช้อปใช้จากสิ้นเดือนธันวาคม 2562 เป็นสิ้นเดือนมกราคม 2563 พร้อมทั้งปลดล็อกเงื่อนไขให้ใช้เงินในเป๋าตั้ง 2 ได้ทุกจังหวัดจากเดิมที่ห้ามใช้ในจังหวัดที่ตัวเองอยู่ โดยการปลดล็อกนี้ให้มีผลกับผู้ที่ได้สิทธิ์ในเฟส 1 และ 2 ด้วย
ทั้งนี้ หลังจาก ครม. เห็นชอบแล้วก็จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนทันที คาดว่าจะเป็นวัน 1 ล้านคน วันละ 2 รอบ เช้า - เย็น เหมือนเดิม โดยมาตรการชิมช้อปใช้จะเน้นให้มีการมีใช้เงินในเป๋าตัง 2 ที่ผู้ได้สิทธิ์ต้องเติมเงินซื้อสินค้าและได้เงินคืนจากรัฐบาล 15% สำหรับวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นบาทแรก และ 20% สำหรับวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือได้เงินคืนจากรัฐบาลถึง 8,500 บาท
“ภายใน 1 - 2 วันนี้ ธนาคารกรุงไทยจะเปิดมาตรการเสริมเพื่อกระตุ้นการใช้เงินในเป๋าตัง 2 ให้มากขึ้น โดยรูปแบบจะให้ผู้ที่ใช้เงินจากเป๋าตัง 2 ได้มีสิทธิ์ชิงเงินรางวัลใหญ่
นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยกับกรมบัญชีกลางได้ลงพื้นที่เชิญโรงแรมและร้านอาหารดังๆ เข้าโครงการเพื่อรับเงินจากเป๋าตัง 2 ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงคลังคาดว่ามาตรการชิมช้อปใช้ทั้ง 3 เฟส การเปิดลงทะเบียนจำนวน 15 ล้านคน เป็นจำนวนที่เหมาะสม และมาตรการกระตุ้นที่จะออกมารวมถึงการปลดล็อกให้การใช้เงินในเป๋าตัง 2 ได้ง่ายขึ้นจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น”
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : komchadluek