ครั้งหนึ่งในชีวิตเมืองที่หนาวที่สุดในโลก ที่คนไทยคิดถึงอยากไปเยือน
ยาคุตสค์ เมืองหนาวที่สุดในโลก ที่คนไทยคิดถึงอยากไปเยือน -45 องศา ขายปลาไม่ต้องแช่ฟรีซ โดยหนุ่มไทยรายหนึ่งได้ออกมารีวิว การท่องเที่ยวครั้งหนึ่งในชีวิตกับเมืองที่หนาวที่สุดในโลก ที่ประเทศรัสเซียถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหมอก
ครั้งหนึ่งในชีวิตกับเมืองที่หนาวที่สุดในโลก ที่คนไทยคิดถึงอยากไปเยือน -45 องศา ขายปลาไม่ต้องแช่ฟรีซ ปีใหม่ที่ผ่านมาทุกๆคนก็จะไปหาที่เที่ยวเพื่อพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี เราก็เป็นคนหนึ่งในนั้นนะต่อไปจะขอใช้คำพูดแบบเพื่อนผู้ชายคุยกันนะคับ อาจจะอ่านแล้วไม่สุภาพแต่เวลาบรรยายสะใจกว่า
เราถ่ายรูปไม่เก่งนะ และทั้งหมดเราใช้ Iphone7+ เครื่องเดียว
เดี๋ยวเราจะมีเรื่องเล่าอีกเต็มไปหมดเข้าไปดูได้ที่เพจนี้นะ ฝากช่วยกดติดตาม ด้วยนะคับ
ปกติแล้วช่วงปีใหม่เรามักจะไปญี่ปุ่นนะ ชอบไปฮอกไกโด อากาศเย็นๆ มาปีนี้คิดอยากลองของ เพราะอยู่ดีๆปีนี้ช่วงปลายปี เมืองไทยก็มีอากาศหนาวผิดปกติ ว่าแล้วเราเลยอยากลองไปเมืองที่หนาวที่สุดในโลก ซึ่งมันคือเมือง Yakutsk แคว้น Sakha ประเทศ Russia นั่นเอง
คือไอ้เมือง Yakutsk นี่มันอยู่ทางขวาหรือเขตไซบีเรียของรัสเซียนั่นเอง จริงๆแล้วไอ้ที่ๆมันมีอุณหภูมิต่ำๆมันควรจะเป็นขั้วโลก แต่ว่าไอ้เมือง Yakutsk นี่คือเมืองมันเป็นแอ่ง เพราะฉะนั้นมันจะเก็บอุณหภูมิเอาไว้ มันเคยลงต่ำสุดติดลบ 60-70 นี่แหละจำไม่ค่อยได้ละ ส่วนการหาข้อมูลล่วงหน้าก็มีน้อย
เริ่มจากซื้อตั๋วเครื่องบินเลยมันก็มีอยู่สายการบินเดียวที่บินไป คือ S7 หรือ ไซบีเรียนแอร์ไลน์นั่นเอง ส่วนเสื้อผ้าก็ไม่รู้จะเอาชุดอะไรไปเนื่องจากเราเล่นสกีเป็นประจำอยู่ละ เราเลยเอาชุดสกีไป ถุงมือสกี ที่ปิดหน้า หมวกไหมพรหม แค่นี้เลย เราจัดกระเป๋าก่อนเดินทาง 1 ชั่วโมง แล้วก็เอาครีมทาหน้าไป
สายการบินค่อนข้างใหม่เลยนะ ที่นั่งเบาะหนัง นั่งสบาย เราเลือกแบบทางออกฉุกเฉินไป เรียกได้ว่ากว้างขวางมาก แถมตอนขาไปไม่มีคนนั่งข้างๆ เลยนอนยาวได้เลย สรุปคือสบายกว่าบิซิเนสคลาส มีที่เสียบปลั๊กไฟ USB ให้เรียบร้อย แต่ไม่มีหนังอะไรให้ดูนะแนะนำให้โหลดใส่มือถือเตรียมไปเอง
จากสุวรรณภูมิก็ต้องนั่งเครื่อง 8 ชั่วโมงมาลงที่เมือง โนโวสซิเบียค ก่อน ซึ่งเมืองนี้คือเมืองใหญ่อันดับ 3 ของรัสเซียรองจาก มอสโควและเซนปีเตอร์เบิร์ก อันนี้คนรัสเซียบอกมานะ ไม่แน่ใจ ซึ่งอุณหภูมิของเมืองนี้คือ -20 องศา แล้วรอต่อเครื่อง 4 ชั่วโมงก็เดินเล่นในสนามบิน เดินสำรวจกันไป
เดินเข้ามาในสนามบิน ถือว่าสนามบินค่อนข้างดี คนรัสเซียเองก็รู้งานก่อนลงเครื่องก็ใส่เสื้อหนาวกันเต็มยศ แต่เรามีแค่กางเกงขายาวกับเสื้อยืดตัวเดียว เพราะเสื้อหนาวทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าเดินทางหมดเลย
อันนี้ร้านค้าในสนามบิน
หลังจากรอจนได้ที่เจ้าหน้าที่ก็ประกาศให้ขึ้นเครื่องต่อเพื่อออกเดินทางไปยังเป้าหมายของพวกเราคือ ยาคุสต์ โดยสิ่งที่เราไม่ได้คาดคิดก็คือมันให้เดินไปขึ้นเครื่องข้างนอกอาคาร ซึ่ง...ติดลบ20 กับเสื้อยืด 1 ตัวพร้อมกางเกงขายาวตัวเดียว บอกเลยสั่งเหมือนลูกหมาอะ มือหนาวจนเจ็บ
พื้นสนามบินถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งทั้งหมด
จากนั้นภาพเดิมก็กลับมาคือทุกคนใส่เสื้อหนาวเต็มยศ ปิดหน้ากันจนเหลือแต่ลูกกะตา ส่วนเราก็เตรียมเดินแบบแมนๆออกไปสัมผัสกับการติดลบ 45 องศาอย่างเป็นทางการครั้งแรก บอกได้เลยว่าสะใจมาก มันเหมือนถูกแช่แข็งตลอดกาล
ตัวสนามบินยาคุสต์เองก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไร มีระบบพื้นฐานที่ควรมีอย่างครบถ้วน แต่ถึงแม้นี่จะเป็นประเทศรัสเซีย แต่เนื่องจากเมืองนี้อยู่ทางขวาของรัสเซีย หรือเขตไซบีเรียเหนือมองโกเลียขึ้นมานั่นเอง ทำให้คนเมืองยาคุสต์จะมีหน้าตาออกทางเอเชียเลย หน้าตาออกจีนๆกัน จากนั้นเราก็รีบไปเอากระเป๋าที่สายพานแล้วรีบเอาเสื้อหนาวมาใส่เต็มยศ เรามีผ้าพันคอวูอยู่ผืนนึง ไม่ค่อยได้ใช้เลยเพราะว่าคันมากเมื่อก่อนเวลาใช้ เลยไม่ค่อยได้ใช้ แต่ตอนนี้เข้าใจลึกซึ้งแล้วว่าผ้าพันคอวูมันดียังไง เวลาไปหนาวมากๆนี่ขอแบบขนๆมาเลยยิ่งดีนะคับทุกคน อย่าไปรังเกียจมัน ยิ่งขนเยอะยิ่งอุ่น
เราจองโรงแรมไว้ผ่าน Booking.com ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าโรงแรมมันอยู่ที่ไหน เปิด map ดูก็พบว่ามันห่างจากสนามบินประมาณ 15 นาที แต่!!! จะไปยังไงอะ
ก็เลยเดินออกไปข้างนอกตามคนเค้าไป กะว่าโบกแทกซี่ไปเลย ความซวยคือแทกซี่ที่นี่มันไม่ได้มีป้ายแทกซี่ เราก็เลยต้องเดินกลับไปในสนามบิน เพราะข้างนอกมันหนาวมาก ความหนาวทะลุทะลวงทุกอย่างเข้ามาจนสัมผัสได้
ที่นี่คือเขาเป็นระบบคล้ายๆอูเบอร์หมดแล้ว มีสองวิธีในการเรียกแทกซี่คือ
1.โหลดแอพเรียกแทกซี่ท้องถิ่นมา ซึ่งมันเป็นภาษารัสเซีย อ่านไม่ออกอีก
2.โทรเรียก ซึ่งเราใช้วิธีนี้คือเดินไปถามเจ้าหน้าที่สนามบิน เอาชื่อโรงแรมให้เขาดูใช้ภาษามือเอา แล้วเอาโทรศัพท์ให้เขาช่วยโทรให้ แล้วให้ช่วยบอกแทกซี่ให้ไปส่งเราที่โรงแรม แต่ก่อนอื่นเราก็ให้เขาช่วยโทรหาเจ้าของโรงแรมอีกที เพราะโรงแรมในรัสเซียบางส่วนจะต้องโทรนัดแนะกันเพื่อจะได้เปิดประตูเข้าโรงแรมได้ ถ้าไม่โทรนัดก่อน ได้ยืนแข็งอยู่ข้างนอกตายแน่นอน
มาถึงโรงแรมก็จัดการจ่ายเงินแต่เนื่องจากเป็น early check-in จึงโดนเก็บตังเพิ่มก่อนเลย แต่ก็ต้องยอมจ่ายเพราะถ้าให้ออกไปรอเชคอินตอน 10 โมงเช้าคงตายก่อนแน่ๆ โดนไปครึ่งวันเป็นค่าเชคอินก่อน ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวสรุปให้ตอนหลัง โรงแรมจัดว่าใช้ได้เลย คาดว่าน่าจะเอาอาพาร์ทเม้นมาปรับปรุงนะ
ห้องนอนถือว่าโอเคมีผ้าเชดตัวให้ มีสบู่ยาสระผมครบหมด เตียงนุ่มใช้ได้ ไม่เก่า แต่สิ่งที่ห้ามลืมเลยคือ หัวปลั๊กไฟของรัสเซียอันนี้อย่าลืมเตรียมมากัน ไม่งั้นทุกอย่างจะล่มสลายได้นะ จากนั้นเราก็นอนงีบหลับอีกพักนึงเพราะเดินทางมาเหนื่อยมาก
ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่เราทำเลยคือ อยากลองวิ่งในที่ติดลบ 45 หรือง่ายๆคือได้ลองวิ่งในเมืองที่หนาวที่สุดในโลก จริงๆแล้วมีหมู่บ้านที่หนาวที่สุดในโลกอีกนะคือหมู่บ้าน Oymyagon แต่อันนี้ขึ้นชื่อว่าเมืองที่หนาวที่สุดในโลก
บรรยากาศยามเช้าก็จะประมาณนี้นะ มันหนาวจนเป็นหมอกไปหมด
เราใส่เสื้อยืดแขนยาวแล้วทับด้วยฮีทเทค ตามด้วยเสื้อกันหนาวยูนิโคลอีก 1 ตัว แล้วตามด้วยแจคเกตสกีอีก 1 ตัว บอกเลยเอาแทบไม่อยู่ มีถุงมือสกี 1 คู่ หมวกแบบปิดหูและหน้า หมวกไหมพรหม ผ้าพันคอ โผล่ออกมาแต่ลูกกะตา ส่วนกางเกงก็ใส่ฮีทเทค กางเกงวอร์มสกี แล้วก็กางเกงสกี อันนี้ถือว่าเอาอยู่ แต่ก็มีเย็นๆ ความหนาวระดับนี้บอกเลยว่า ถ้าถอดถุงมือออก แค่ไม่ถึง 1 นาทีมือจะแข็งจนเจ็บจากนั้นจะเริ่มชา
ถ้าหยิบมือถือออกมาถ่ายรูป แค่ไม่ถึง 3 นาทีมือถือจะดับ เพราะฉะนั้นการถ่ายรูปจะเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก ต้องแกร่งนิดนึง ส่วนใครที่คิดจะไปแล้วจะแต่งตัวแบบไปถ่ายแบบเลิกคิดไปได้เลย ถ้าเป็นผู้หญิงก็ให้เอากระเป๋าใบโปรดไปแช่ตู้แช่แข็ง ซึ่งในบ้านเราตู้นี้มันแค่ประมาณ -20 องศาเอง แต่ที่ยาคุสต์มัน -45 ตลอดทั้งสามเดือน ซึ่งก็ต้องรับตรงนี้ให้ได้ก่อน ที่ยาคุสต์จะไม่มีแบรนด์เนมใดๆให้เห็นเลย เพราะเอาแค่เอาตัวให้รอดจากความหนาวได้ก็เก่งละ เพราะฉะนั้นที่นี่การประชันกันจึงไม่ใช่แบรนด์เนมแต่เป็นชุดที่ใส่ว่าใครใส่แจคเกตตัวอะไร เช่นแจคเกตจากหมาจิ้งจอก หรือจากกวางเรนเดียร์ พวกนี้ราคาสูงบางชุดเป็นแสนเลย แต่อุ่นมาก ร้อนเลยหละ
นี่เป็นร้านขายของข้างถนนในเมือง เอาจิงๆคนยืนขายนี่ก็โหดมาก โคตรจะหนาวเลย
ทางม้าลาย ก็อย่าวิ่งล่ะ เดี๋ยวลื่นล้มหัวแตกได้
แม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เลยลองไปเดินบนแม่น้ำดูตอนแรกก็กลัวว่าน้ำแข็งมันจะแตก ถ้าตกลงไปตายแน่นอน แต่พอเห็นคนเขาเดินกันเยอะแยะ เลยกระโดดเลย
สะพานต่างๆ ทุกที่กลายเป็นน้ำแข็งไปหมด
พอเราเดินๆไปน้ำแข็งมันก็จะเกาะตา เกาะในจมูก เกาะหมวก เกาะทุกที่ประมาณนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 5 นาที
มาต่อกันๆ
เราเริ่มต้นการเดินข้ามแม่น้ำนี้กันเลย ต้องเดินทั้งหมด 3 กิโลเพื่อข้ามแม่น้ำ แล้วจากนั้นจะเป็นทางไต่เขาขึ้นไปอีก 3 กิโล ซึ่งมันชันมาก
ระหว่างทางเดินข้ามแม่น้ำ มันจะเห็นวิวแบบกว้างจนสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเราไม่รู้จะถ่ายรูปมายังไง เอาเป็นว่าถ้าใครยังมีแรง แนะนำให้ไป เพราะมันต้องใช้ฟีลลิ่งเก็บความรู้สึก มันต้องเห็นแล้วรู้สึกได้มันถึงจะฟิน เวลาเดินลมมันก็จะพักโครมๆ 5 นาทีแรกที่จะได้เดินข้ามแม่น้ำก็รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่พอผ่าน 5 นาทีไปก็จะรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะถึงซักทีวะ เพราะว่าเหนื่อยมาก พื้นเป็นหิมะและน้ำแข็งมันเดินเร็วไม่ได้ อากาศที่หนาวอยู่แล้วแถมลมโกรกอีกนี่ แทบคลาน ทางก็ไม่เรียบนะ มันจะมีน้ำแข็งดันขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่สนุก และได้ฟีลลุยๆแบบสุดๆ พอดีเราเป็นคนชอบลุยๆอยู่แล้ว ไม่เน้นสำอางค์ ลองดูภาพตอนเดินข้ามแม่น้ำกัน
เรามี Pepsi ติดมือไว้ตลอดขวดนึง เดินมายังไม่ถึงฝั่งเลย เริ่มกลายเป็นน้ำแข็งละ แต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยหิวน้ำ เลยยังไม่ได้ซด พอเราเดินมาถึงกลางทาง Pepsi ของเราก็เป็นน้ำแข็งไปละ ซึ่งตอนนี้แหละเราหิวน้ำคับ ซวยจริงๆเลย
สไลเดอร์น้ำแข็งน่าเล่นมาก แต่ไม่อยากแย่งเด็กเล่น555
แล้วเราก็เดินไปหาร้านอาหารกินต่อ เจอร้านนี้มีเบียร์สิงห์ของไทยเราขายในร้านด้วย เบียร์สิงห์นี่มีทุกที่ในโลกเลย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามกันนะ เราอยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน เราอยากให้คนไทยไปกันเยอะๆ เพราะเมืองเขาไม่มีนักท่องเที่ยวจากบ้านเราไปเลย มันไม่น่ากลัวหรอกความหนาวอะถ้าเราแต่งตัวถึงๆ แต่ถ้าร้อนอ่ะเราบาย เพราะถอดเสื้อยังไงมันก็ร้อน555 มีอะไรก็มาลองคอมเม้นกัน หรือเข้าไปคุยกันที่เพจเราได้นะ เผื่อมีไอเดียแปลกๆแล้วเราไปเที่ยวด้วยกัน
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.in.th ขอขอบคุณที่มา : ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด